sanookna.com นิยายเด็ด, เรื่องจริงไม่อิงนิยาย, แฟนคลับ
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

มนตรา..มายาแห่งรัก ตอนที่ 5 (100%)

Go down

มนตรา..มายาแห่งรัก ตอนที่ 5  (100%) Empty มนตรา..มายาแห่งรัก ตอนที่ 5 (100%)

ตั้งหัวข้อ by pannarai Thu Jan 28, 2010 11:27 pm

“งานเลี้ยงเป็นอย่างไรบ้าง ยัยแก้ม” ยายมณฑลีเอ่ยถามในวันต่อมา
“ก็งั้นๆแหละค่ะ มีแต่พวกไฮโซ กับคนรวยๆ ปั้นหน้าใส่กัน แล้วก็อวดกันเรื่องเทรัพย์สิน เงินทอง”
“แล้วมีใครถามอะไรเกี่ยวกับหนูบ้างหรือเปล่าล่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ถามว่าแม่หนูเป็นใคร เทือกเถาเหล่ากอมาจากไหน เรียนจบอะไร ทำงานอะไร ไม่เคยเห็นท่านนายพลพามาออกงานเลย”
“แล้วหนูตอบว่าอย่างไรล่ะ”
“หนูก็ตอบตามจริงสิคะ คุณตาคุณยายหนูเป็นลูกหลานเจ้าเมืองเก่า หนูก็บอกนามสกุลเค้าไป ไม่ยักกะถามอะไรต่อ”
คุณยายยิ้มขำๆกับคำตอบของหญิงสาว
“จริงสิ ระยะนี้ ยายเห็นมีนายทุนมากว้านซื้อที่แถวบ้านเราไปเยอะเหมือนกัน ชาวบ้านหลายคนทีเดียวขายบ้านขายที่ อพยพไปอยู่ที่อื่น เห็นว่านายทุนเค้าจะมาสร้างโรงแรมอะไรแถวนี้แหละ บรรยากาศมันดี เค้าว่างั้น”
“แหม ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง หนูว่าแถวนี้คงไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ ที่ๆเราเคยอยู่อย่างสงบสุข คงจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนและมลพิษ”
หล่อนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยจะพอใจกับสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่
“ลุงผลกับป้าอิ่มไปไหนหรือคะ หนูไม่เห็นตั้งแต่เช้า”
“อ๋อ ไปเก็บลำไยต้นหน้าบ้าน ละมั้ง เห็นบอกว่าลูกดกมาก จะเอาไปขายที่ตลาดด้วย เพราะคงกินไม่หมด”
“งั้นหนูจะไปดูสักหน่อย”
หญิงสาวเดินมาหน้าบ้านเพื่อมาดูลุงผลกับป้าอิ่ม พอดีกับที่มีรถเบนซ์คันงามมาจอดหน้าบ้านหล่อน ชายคนขับเปิดประตูออกมาและถามหาเจ้าของบ้าน
“ฉันนี่แหละ เจ้าของบ้าน มีธุระอะไรหรือคะ”
“เอ่อ เจ้านายผมเค้าชอบที่ดินแปลงที่คุณอยู่น่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณจะขายหรือเปล่า เรียกราคามาได้เลย”
“ไม่ขายค่ะ ที่นี่เป็นบ้านของเรา และเราจะไม่ขายให้ใครทั้งนั้นแหละ พวกคุณกลับไปเถอะ”
พอหล่อนพูดจบ ประตูรถด้านหลังก็เปิดออก พร้อมกับชายหนุ่มก้าวออกมา ซึ่งหญิงสาวรู้จักดีว่าเค้าคือ
นายกฤตนัย ติยะไพศาล
“อ๋อ นี่คุณนั่นเอง นายทุนที่มากว้านซื้อที่แถบนี้ไปสร้างโรงแรม”
“กวินตรา นี่บ้านคุณหรือ ผมว่าบ้านท่านนายพลไม่ใช่แถวนี้นี่” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น หล่อนสลัดคราบนางพญา มาเป็นเด็กสาว สวยใส จนเค้าก็เกือบจำไม่ได้ หล่อนสวมกางเกงขาห้าส่วน และเสื้อยืดสีฟ้าพอดีตัว ผมยาวสลวย หล่อนก็รวบไว้ข้างหลังเป็นหางม้า
“นี่บ้านฉันเอง และฉันอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่บ้านคุณพ่อ คุณมาทำอะไรที่นี่ ถ้าคิดจะซื้อที่ละก็ เชิญคุณกลับไปเถอะ ดิฉันไม่ขาย”
“แน่ใจเหรอว่า ไม่ขาย ผมให้ราคาดีนะ คุณอยากได้เท่าไหร่ลองว่ามาสิ”
“ให้เท่าไหร่ฉันก็ไม่ขาย เงินของคุณซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอกนะ คุณคิดจะไล่ที่ชาวบ้านแถบนี้ ไปหมด เพื่อจะมาทำโรงแรมงั้นหรือ”
“ทำโรงแรม ไม่ดีตรงไหน อีกอย่าง ผมไม่ได้เอาที่เค้ามาฟรีๆนี่ ผมซื้อ ซื้อแพงซะด้วย ถ้าที่นี่เป็นโรงแรม ดีเสียอีก ชาวบ้านแถวนี้ก็จะมีงานทำ ไม่ดีหรือไง”
“ไม่ดีแน่ คุณจะมาเปลี่ยนแปลงที่สงบสุข ให้กลายเป็นแหล่งอบายน่ะสิ”
“กล่าวหากันนี่นา ผมไม่ได้จะทำให้เป็นแหล่งอบายสักหน่อย เอาเถอะ อีกหน่อยคุณจะรู้เองว่าเงิน มันมีอำนาจมากแค่ไหน และเมื่อไหร่ที่คุณต้องการมันก็อย่าลืมบอกผมก็แล้วกัน นี่นามบัตรผม”
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ ทุกคนก็ได้ยินเสียงเหมือนวัตถุหล่นดังตุ้บ และเสียงกรีดร้องของป้าอิ่ม ดังมาจากทางต้นลำไย
“ว้าย ช่วยด้วย ตาผล ตกต้นไม้ ช่วยด้วยเจ้าข้า”
กวินตรารีบวิ่งมาที่ต้นลำไย ทันที หล่อนเห็นร่างลุงผล นอนหงายอยู่ใต้ต้นไม้ กำลังจะวิ่งไปพยุงร่างลุงผลขึ้นมา เสียงทุ้มห้าวก็ดังขึ้น
“อย่าพึ่งขยับคนเจ็บ ถ้าได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังจะยิ่งอาการแย่เข้าไปใหญ่.”
“แล้วจะยืนดูอยู่เฉยหรือไง”
ชายหนุ่มกดโทรศัพท์ เรียกรถพยาบาลจากโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด พร้อมกับบอกว่า
“ให้พยาบาลมาประเมินและเคลื่อนย้ายอย่างถูกวิธีจะดีกว่า ระหว่างนี้คุณลองเรียกแกดูสิ ว่ามีสติดีอยู่หรือไม่”
กวินตราก้มลงเรียกชื่อลุงผล
“ลุงผล ลุงผล ได้ยินไหมคะ ลุงผล เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”
ลุงผลคล้ายคนสะลึมสะลือ พูดเบา ๆ ว่า “คุณแก้ม คุณแก้ม หลัง เจ็บหลัง”
ยายมณฑลี หลังจากได้ยินเสียงร้องของป้าอิ่มก็เดินลงมาดู และตกอกตกใจอยู่ไม่น้อย
“อะไรกัน แม่อิ่ม ทำไมถึงได้ตกลงมาแบบนี้”
“กิ่งลำไยมันอยู่สูงน่ะค่ะ ตาผลอยากเก็บลำไยให้ได้มากที่สุด ก็เลยปีนขึ้นไปสอย เผอิญเหยียบพลาดก็เลยพลัดตกลงมา อิชั้นเตือนก็ไม่ฟัง”
“แล้วจะทำยังไงกันล่ะนี่ ยืนดูเฉยๆหรือยังไง”
“เอ่อ ผมเรียกรถพยาบาลให้แล้วครับ ระหว่างนี้ก็รอ และไม่ควรขยับเขยื้อนคนเจ็บโดยไม่จำเป็น”
“แล้วคุณเป็นใครกันล่ะ”
“เค้าเป็นนายทุน ที่มากว้านซื้อที่แถวนี้ค่ะคุณยาย และมาถามซื้อบ้านของเราด้วย”
กวินตราเอ่ยแทรกขึ้น
“ผมชื่อ กฤตนัย ติยะไพศาล ครับ” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดอะไรต่อ รถพยาบาลก็แล่นเข้ามาพอดี พร้อมทีมพยาบาล หลังจากประเมินอาการแล้วก็เคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยความชำนาญ
“คนไข้ อาจจะมีการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังนะคะ เราจะต้องนำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและทำการรักษาต่อไปค่ะ คุณเป็นญาติใช่ไหมคะ เชิญไปที่โรงพยาบาลเลยค่ะ”
กฤตนัยอาสาพากวินตราและยายมณฑลีไปโรงพยาบาล แม้หญิงสาวจะปฏิเสธอย่างสุภาพ เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัวหล่อน แต่ชายหนุ่มก็ยังยืนยันจะพาไป
....ที่โรงพยาบาล
กฤตนัย กวินตราและยายมณฑลี รวมทั้งป้าอิ่ม ยืนรอผลการวินิจฉัยของแพทย์ที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกระวนกระวายใจ
“ฉันต้องขอบคุณ คุณอีกครั้งที่มาส่งและเป็นธุระเรียกรถพยาบาลให้ แต่จากนี้พวกเราจะจัดการกันเอง ถ้าคุณมีธุระก็กลับเถิดค่ะ แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว” กวินตราเอ่ยขึ้นเบาๆ กับชายหนุ่ม
“ผมไม่มีธุระที่ไหนต่อ ไหนๆก็มาแล้ว ขอผมฟังผลจากหมอด้วยก็แล้วกัน”
สักพักหนึ่ง ประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับนายแพทย์ก้าวออกมา ทุกคนยืนขึ้นแทบจะพร้อมกัน
“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างคะคุณหมอ” กวินตราถามด้วยความเป็นกังวล
“เอ่อ ญาตินายผล ธรรมภักดี ใช่ไหมครับ เอ่อ คนไข้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังและศีรษะน่ะครับ คงต้องได้รับการผ่าตัด ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นอันตรายได้น่ะครับ”
ทุกคนสีหน้าซีดเผือดลง มีแต่กวินตราเท่านั้นที่ตั้งสติและพูดขึ้นมาว่า
“งั้นก็ทำเถอะค่ะ ถ้าสิ่งไหนที่คุณหมอคิดว่าจะรักษาได้ดีที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้น เชิญญาติทางด้านนี้เลยครับ”
กวินตราและป้าอิ่มเดินไปอีกด้านหนึ่งเพื่อจัดการเอกสาร ส่วนยายมณฑลีกับกฤตนัย ยืนรอที่เดิม
“โธ่ ตาผล ไม่น่าเลย เวรกรรมอะไรกันนะ”ยายมณฑลีรำพึงอยู่คนเดียว
“ผมว่าทำใจให้สบายเถอะครับ ทีมแพทย์คงจัดการอย่างดีที่สุด เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อในแถบนี้”
“ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย ก็ยังมาเป็นเพื่อน มาเป็นธุระให้แบบนี้ รบกวนคุณมากแล้วล่ะ คุณกลับไปเถอะ”
“งั้นผมลาเลยนะครับ นี่นามบัตรผม ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะครับ”
ชายหนุ่มยกมือไหว้แล้วลากลับ ได้สักพักกวินตราและป้าอิ่มก็เดินมา
“นายคนนั้น เค้ากลับไปแล้วหรือคะ” กวินตราเอ่ยถาม เมื่อไม่เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงนั้น
“จ้ะกลับไปแล้ว ยายว่าเรียกเค้าให้ดีๆหน่อย เค้าออกจะใจดีมาส่งเราแถมเป็นธุระให้ตั้งหลายอย่าง”
“เค้าทำเพื่อให้เราใจอ่อน ขายที่ให้เค้าต่างหากล่ะคะ”
“แหม อย่ามองคนในแง่ร้ายนักสิ นี่เค้าให้นามบัตรยายไว้ บอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้”
กวินตรายังไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่ว่ากฤตนัยจะเป็นคนดี โดยไม่หวังอยากได้ที่ดินบ้านสวนของเธอ

วันต่อมาหลังจากเสร็จสิ้นการผ่าตัดลุงผล กวินตราก็ได้โทรลางานกับเจ้านาย และได้ผลัดเปลี่ยนกันมานอนเฝ้าอาการและดูแลลุงผล หญิงสาวยังไม่กล้าคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในตอนแรกเพราะต้องการรักษาลุงผลอย่างดีที่สุด ต่อมาหล่อนก็เดินมาถามเรื่องค่าใช้จ่ายที่ห้องการเงินเพื่อจะได้เตรียมเงินไว้ถูก
“ห้าแสนหกหมื่นสี่พันห้าร้อยบาทค่ะ” สิ้นเสียงเจ้าหน้าที่ หญิงสาวแทบเป็นลมล้มพับ แล้วนี่หล่อนจะเอาเงินมาจากไหน ยายหล่อนก็ไม่ได้มีเงินสดเยอะแยะขนาดนั้น แถมยังส่งหล่อนเรียนจนจบ รายได้จากการขายขนมและผลไม้ก็พอมีบ้าง แต่ไม่ได้มากมายขนาดนี้ เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านและการดูแลสวนก็มากเอาการอยู่ หล่อนเองก็เพิ่งทำงานได้แค่สองปี ยังไม่มีเงินเก็บมากขนาดนี้ คุณพ่อ ..จริงสิ คุณพ่ออาจจะช่วยได้ คิดได้ดังนี้หล่อนก็โทรหาท่านนายพลศานติทันที
“บ้านท่านนายพลศานติ ค่ะ ต้องการพูดสายกับใครคะ”
“คุณพ่อ เอ่อ ท่านนายพลอยู่ไหมจ้ะ บอกว่ากวินตราโทรมา มีเรื่องสำคัญจะปรึกษา”
“เอ่อ ท่านนายพลไม่อยู่นะคะ ไปต่างประเทศกับคุณหญิงค่ะ เดือนหน้าถึงจะกลับ”
สิ้นเสียงคนรับใช้ กวินตราก็แทบจะเป็นลมรอบสอง นี่หล่อนจะทำอย่างไรดีนะ
“เอ่อ ขอผ่อนชำระเป็นงวดได้หรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามเจ้าหน้าที่เบาๆ
“อ๋อ ถ้าคุณหมายถึงค่าใช้จ่ายของนายผล ธรรมภักดี ที่ดิฉันแจ้งเมื่อกี้ล่ะก็ ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ”
“หมายความว่าอย่างไรคะ เรียบร้อยหมดแล้ว”
“ก็หมายความว่ามีคนจ่ายให้คุณแล้ว รอสักครู่นะคะ อ๋อ ในนามคุณกฤตนัย ติยะไพศาลค่ะ”
“อะไรนะคะ เมื่อไหร่คะ”
“เมื่อวานนี้ค่ะ”
กวินตราอึ้งไปเล็กน้อย เขาต้องการอะไรกันแน่ หรือว่า หรือว่า เขาจะบีบให้เราขายบ้านสวนให้เค้าอย่างนั้นหรือ ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมเค้าต้องจ่ายให้คนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมากมายขนาดนี้
pannarai
pannarai
ประชากรทั้วไป
ประชากรทั้วไป

จำนวนข้อความ : 11
วันที่สมัครสมาชิก : 26/01/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ